วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เมื่อเด็ก ๆ อยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง

เมื่อเด็ก ๆ อยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง




เมื่อเด็ก ๆ อยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง (โลกสัตว์เลี้ยง)
ว่ากันว่า ถ้าอยากให้เด็กมีจิตใจที่อ่นโยน ต้องให้เด็กรู้จักรักและเลี้ยงสัตว์ นอกจากจะส่งผลทางด้านจิตใจของเด็ก ๆ แล้ว ยังส่งผลให้เด็กมีความรับผิดชอบอีกด้วย เด็ก ๆ ที่อยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองและรบเร้าให้พ่อแม่ผู้ปกครองซื้อให้เมื่อเดินผ่านร้านขายสัตว์เลี้ยง ซึ่งในทัศนะของสัตวแพทย์และนักจิตวิทยามีความเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลดีต่อเด็ก



สิ่งดีๆ จากการเลี้ยงสัตว์ ในทัศนะของสัตวแพทย์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ปานเทพ รัตนากร แสดงทัศนะถึงข้อดีของการให้เด็กเลี้ยงสัตว์ ว่า "การเลี้ยงสัตว์จะทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน มีความเข้าใจที่จะเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักคุณค่าของสิ่งมีชีวิต รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา รู้จักดูแลผู้อื่น จนกระทั่งเกิดเป็นความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น

ที่สำคัญยังช่วยให้เด็กรู้จักการแสวงหาความรู้ เพื่อให้สามารถเลี้ยงสัตว์ของเขาได้อย่างมีคุณภาพ ในด้านคุณธรรมนั้น เรื่องความเมตตา เป็นประการแรก เพราะเขาต้องรู้จักเห็นอกเห็นใจ จะเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ต้องคิดถึงสัตว์เลี้ยงด้วย เมื่อเห็นสัตว์ที่ตัวเองเลี้ยงบาดเจ็บก็ช่วยเหลือ เมื่อเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงแล้ว อีกหน่อยก็สามารถช่วยคนอื่นได้ ซึ่งจะติดเป็นนิสัยไปจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่"


สิ่งดีๆ จากการเลี้ยงสัตว์ ในทัศนะของนักจิตวิทยา
รศ.ดร.ดวงเดือน ศาสตรภัทร กล่าวว่า "ในทางจิตวิทยา การเลี้ยงสัตว์หรือการที่เด็กได้มีโอกาสใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง ประเด็นแรกที่เด็กจะได้รับคือเด็กจะรู้จักถึงความมีเมตตา รู้จักรัก ถ้าเด็กไม่มีโอกาสได้เลี้ยงสัตว์หรืออยู่กับสัตว์ เด็กจะไม่รู้จักความเมตตาเลย กลายเป็นเกลียดสัตว์ และการที่เด็กได้ฝึกการแสดงออกถึงความเมตตากับสัตว์ จะทำให้เด็กพัฒนาตนเองโดยไม่รู้ตัว เป็นคนที่มีศีลธรรมและจริยธรรมเมื่อเขาโตขึ้น

ประเด็นที่สอง เขาจะรู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจเรา สังเกตง่าย ๆ เช่น เด็กผู้ชายบางคนชอบเล่นแรง ๆ ดึงปีกแมลง หักขามด เขาไม่รู้เลยว่าการทำอย่างนั้นทำให้สัตว์บาดเจ็บอย่างไร ถ้ามีสัตว์อยู่ในบ้าน แล้วแม่คอยสอนว่าการที่ลูกทำอย่างนั้น ลูกรู้ไหมว่าสัตว์รู้สึกอย่างไร เจ็บปวดอย่างไร ถ้ามีใครดึงแขนลูกบ้าง ลูกจะรู้สึกอย่างไร ยังไม่ทันที่แขนลูกจะหลุดออกไปเหมือนแมลงหรอก ลูกก็จะร้องว่าเจ็บแล้ว ทีนี้เด็กก็จะเข้าใจได้ชัดเจนขึ้นว่า การกระทำของเขาส่งผลกับสิ่งมีชีวิตหรือคนอื่น ๆ อย่างไร ทำให้เวลาที่เขาจะทำอะไร เขาจะต้องคิดถึงสิ่งนี้ก่อนเสมอ การเลี้ยงสัตว์จะช่วยให้เขารู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องปลูกฝังให้กับลูกตั้งแต่ยังเล็ก





ข้อดีของการเลี้ยงสัตว์ในบ้าน
การเลี้ยงสัตว์ในบ้าน เป็นการช่วยให้เจ้าตัวเล็กได้ใกล้ชิดกับสัตว์มากขึ้น เด็กจะได้เรียนรู้เพิ่มมากขึ้น และทำให้เด็กรู้ว่า...


ลูกไม่ใช่ศูนย์กลาง ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น
การอยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ เพราะเราต้องพึ่งพาอาศัยกัน และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นโดยเฉพาะเมื่อเด็กโตขึ้น เจ้าตัวเล็กที่เคยเป็นบุคคลสำคัญของบ้าน จะไม่ใช่คนสำคัญที่สุดอีกแล้ว เมื่อเขาไปอยู่ในสังคม เขาต้องรู้จักคิดถึงคนอื่นๆ ด้วย ดังนั้น การปลูกฝังให้เจ้าตัวเล็กสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้ จึงเป็นสิ่งที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่วัยเยาว์ การเลี้ยงสัตว์นี่แหละค่ะ ที่ทำให้เขารู้จักอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เจ้าตัวเล็กจะฝึกความมีเมตตากล่อมเกลาจิตใจให้อ่อนโยน ละเอียดอ่อน รู้จักนึกถึงคนอื่น จนเป็นนิสัยติดตัวไป เมื่อเข้าสังคมเขาก็จะใช้ความรู้สึกนี้ในการอยู่ร่วมกับคนอื่นได้


วินัย เกิดได้จากการเลี้ยงสัตว์
การปลูกฝังความมีระเบียบวินัย และความรับผิดชอบ เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านให้ความสนใจ ซึ่งสามารถปลูกฝังได้หลายวิธี ซึ่งวิธีหนึ่งที่สามารถสร้างวินัยและความรับผิดชอบให้ลูกได้คือการเลี้ยง สัตว์ค่ะ เพราะเจ้าตัวเล็กแสนซนของคุณแม่จะต้องรู้จักการแบ่งเวลา ไปดูแลทำความสะอาดและให้อาหารกับสัตว์เลี้ยง ถ้าให้อาหารช้า ผิดเวลาไป เจ้าสัตว์นั้นคงจะร้อง หรือแม้กระทั่งเรื่องความสะอาดเอง เขาก็จะรู้จักดูแลตัวเอง และสัตว์เลี้ยงให้สะอาดด้วย การเลี้ยงสัตว์สักตัวนั้นต้องการความเอาใจใส่และความรับผิดชอบที่เขาต้อง ฝึกฝน ในการดูแลสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่า


เรียนรู้เรื่องสัตว์
การเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงเป็นเรื่องที่สามารถทำให้เด็กรู้จริงด้วยตนเอง เพราะเขาจะได้สัมผัสการเรียนรู้ด้วยตัวเอง จากการสังเกต คิด และค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของเขา ในเรื่องที่เป็นประโยชน์มากสำหรับการเลี้ยงสัตว์ และการเรียนรู้ของเขาเอง เพราะเขาต้องคอยสังเกตว่าสัตว์ที่เขาเลี้ยงมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างไร เช่น เลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่ง สอนมันจนกระทั่งสามารถปัสสาวะในโถได้ สังเกตทุกวันว่ามันปัสสาวะอย่างไร แต่มีวันหนึ่งมันนั่งอยู่นาน ปัสสาวะไม่ออก เด็กก็จะสังเกตแล้วว่ามันมีอาการผิดปกติแน่ อย่างนี้ต้องพาไปหาหมอ หมอวินิจฉัยว่าเป็นนิ่ว ซึ่งจะเป็นความรู้แก่เขาที่จะดูแลรักษาพยาบาลสัตว์ของเขาต่อไป


นอกจากเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว การเลือกสัตว์เลี้ยงให้กับเด็ก ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน การเลือกสัตว์ที่เหมาะกับเด็ก ขึ้นอยู่กับอายุของเด็กด้วย ถ้าเป็นเด็กเล็กมาก ๆ อาจให้เลี้ยงสัตว์ที่ไม่ต้องสัมผัส เพราะภูมิต้านทานยังมีน้อย และไม่ควรเป็นสัตว์ที่ต้องรับผิดชอบมาก เช่น การเลี้ยงปลา โดยคุณอาจมอบหมายให้เขาเป็นผู้ให้อาหารก็ได้ ยังไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบล้างตู้ปลา หรือ ทำความสะอาดอะไรมาก งานนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองไปก่อน เมื่อเด็กโตขึ้นก็ค่อยเพิ่มความรับผิดชอบให้เขา


การเลือกสัตว์เลี้ยงให้กับเด็ก ๆ





และไม่ควรเลือกสัตว์ที่ต้องการการดูแลมาก บางครั้งแม้แต่ปลาก็ยังต้องการการดูแลมากเป็นบางชนิด ต้องเลือกชนิดที่ทนทานหน่อย เพราะเด็กยังไม่มีความสามารถในการดูแลมากนัก ปลาที่ทนทานก็เช่น ปลาสอด สีดำ สีแดง ดูเพลิดเพลิน พวกนี้จะดูแลง่ายหน่อย ถ้าเป็นแมว สุนัข ก็ต้องดูว่าลูกเป็นภูมิแพ้หรือไม่ เลือกสุนัขที่เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กได้ เช่น โกลเดนท์ ลาบาดอร์ ฯลฯ ควรหลีกเลี่ยง สุนัขที่ต้องการการทะนุถนอม ที่ต้องเอาใจใส่ฟูมฟักเป็นพิเศษ รวมไปถึงสุนัขที่มีไว้อารักขาเพราะมันจะมีความดุอยู่ในตัว เช่น โดเบอร์แมน

นอกจากนี้ ถ้าเลือกแมวก็ต้องระวังนิดหนึ่ง เพราะแมวเป็นสัตว์ที่อารมณ์ไม่ค่อยคงที่ อาจดุง่าย โมโหง่าย เด็กอาจจะเข้าใจอารมณ์ของแมวได้ยาก ขนของแมวก็อาจเป็นอันตรายได้ถ้าเข้าจมูกหรือเด็กแพ้ สัตว์แต่ละชนิดก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะฉะนั้นก่อนจะเลือกสัตว์เลี้ยงใดก็ตามจะต้องศึกษาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยพิจารณาถึงความเหมาะสมในด้านอื่น ๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น