วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โครงการรถคันแรก

              โครงการรถคันแรก



วิดีโอ YouTube


ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ (13 ก.ย.) มีมติอนุมัติโครงการภาษีรถยนต์คันแรกตามที่กระทรวงการคลังได้เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้ ตามเงื่อนไขก่อนหน้านี้ กำหนดว่าต้องเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 1,500 ซีซี. และราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนรถกระบะไม่กำหนด ซีซี.โดยจะคืนเงินให้หลังจาก 1 ปีนับจากวันที่ซื้อแต่ต้องถือครองรถ 5 ปี

นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้มีมติอนุมัติมาตรการภาษีรถยนต์คันแรกแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ


สำหรับมาตรการภาษีรถยนต์คันแรกที่กระทรวงการคลังเสนอ มีรายละเอียดของการดำเนินการต่างๆดังนี้

หลักเกณฑ์การคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรก

1.เป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555

2.เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน

3.เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถกระบะ (Pick up)/รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)

4.เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)

5.คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน

6.ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

7.ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี

8.การคืนเงินจะคืนเมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปี ไปแล้ว (เริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป)

แนวทางการดำเนินงาน

1.ผู้ซื้อรถยนต์ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555 ต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้

-หนังสือยินยอมสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปี

-สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ

-สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)

2.กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มีหนังสือถึงกรมการขนส่งทาง บกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิ์การโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ

3.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน

4.กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดส่งหนังสือรับรองการครอบครอง รถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก “ห้ามโอนภายใน 5 ปี” ให้กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่

5.กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ และสั่งจ่ายเช็คให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป

กระทรวงการคลังเสนอครม.อนุมัติและจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ 2555 จำนวน 100 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ และเสนออนุมัติจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ 2556 จำนวน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคันละ 1 แสนบาท

กระทรวงการคลังเสนอให้ครม.อนุมัติในหลักการให้หัวหน้าส่วนราชการกรมสรรพสามิต (อธิบดีกรมสรรพสามิต) หรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายมีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกให้กับ ผู้ซื้อ และเสนอครม.มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมให้ความร่วมมือกับกรมสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแสดง หลักฐานการครอบครองรถยนต์คันแรก การบันทึกข้อมูลห้ามจำหน่ายโอนรถยนต์ภายใน 5 ปี ตามมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลต่อไป


วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube



วิดีโอ YouTube




วิดีโอ YouTube



วิดีโอ YouTube







รายชื่อรุ่นรถที่ได้ประโยชน์จากภาษีและ 12 คำถามที่พบบ่อย
รถคันแรก ภาษีรถ รุ่น รถ March City Brio Jazz Vios Yaris Mazda 2 Fiesta Pick Up


เปิดมหกรรมรถคันแรก วันนี้ จนท. เตรียมงานคึกคัก

เปิดมหกรรมรถคันแรกวันนี้จนท.เตรียมงานคึก (ไอเอ็นเอ็น)

บรรยากาศเปิดมหกรรมรถคันแรก วันนี้ จนท. เตรียมงานคึกคัก ปชช. เริ่มทยอยรอชมงาน คาด นายกฯ เปิดงาน 10.25 น.

บรรยากาศในช่วงเช้า ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเปิดโครงการรถคันแรกในวันนี้ เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีเจ้าหน้าที่ได้เร่งมือเพื่อเตรียมความพร้อมของงาน ทั้งการซักซ้อมคิว การเคลียร์พื้นที่ในการรักษาความปลอดภัย รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกต่างๆ ขณะที่ประชาชนให้ความสนใจในโครงการรถคันแรกนั้น ก็ได้เริ่มทยอยเดินทางมาบางส่วนแล้ วเพื่อรอเข้าชมงานในวันนี้

อย่างไรก็ตามในเวลา 10.25 น. นำโดย นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นผู้เดินทางมาเปิดงานอย่างเป็นทางการ พร้อมมีการถ่ายถอดสดด้วย





[6 ตุลาคม] คลังชงครม.ปลดล็อกรถคันแรก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
ครอบครัวข่าว 3

อธิบดีสรรพสามิตคนใหม่เร่งสางปัญหา "รถยนต์คันแรก" ชง ครม. 11 ต.ค.นี้ ปลดล็อกเงื่อนไขให้ไฟแนนซ์ หลังเริ่มมาตรการแล้วแต่ไฟแนนซ์ไม่ยอมปล่อยกู้

นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 11 ตุลาคมนี้ กรมสรรพสามิตจะเสนอที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับเรื่องการปลดล็อกการโอนรถยนต์ก่อน 5 ปี ให้กับกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ (ไฟแนนซ์) ที่ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรก ซึ่งเงื่อนไขจะต้องชัดเจนเพื่อให้ไฟแนนซ์มั่นใจว่า กรณีที่ลูกค้าไม่สามารถผ่อนชำระได้ และต้องยึดคืนรถยนต์ก่อน 5 ปี ทางไฟแนนซ์จะสามารถนำรถคันดังกล่าวไปขายต่อและโอนเปลี่ยนมือได้

"ทราบมาว่าไฟแนนซ์ยังกังวลและไม่ยอมปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรก เพราะกลัวว่าลูกค้าจะทิ้งการผ่อนชำระค่างวด เมื่อได้เงินค่าภาษีคืนไปแล้ว โดยเรื่องนี้จะชัดเจนก่อนที่กรมฯ จะจัดงานเปิดตัวมหกรรมรถคันแรก ในระหว่างวันที่ 11-14 ต.ค.นี้ ที่ไบเทค บางนา" นางเบญจา กล่าว

นอกจากนี้ อาจจะขอหารือ ครม. ให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนในประเด็นที่มีค่ายรถยนต์ต่างประเทศรายหนึ่ง ระบุว่าจะยื่นฟ้องว่ามาตรการดังกล่าวของไทยทำผิดเงื่อนไขการค้าเสรีด้วย

นางเบญจากล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2554 ที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ที่ 3.99 แสนล้านบาท ถือว่าเกินเป้าหมาย ขณะที่ปีงบประมาณ 2555 นี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 4.05 แสนล้านบาท โดยแนวทางหารายได้กำลังพิจารณาว่าดำเนินการในส่วนใดได้บ้าง ซึ่งเบื้องต้นจะเน้นสินค้าที่ทำลายสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก อย่างไรก็ดี ตัวเลขเป้าหมายดังกล่าวอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ากรมฯ ต้องกลับมาจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่ 5.30 บาทต่อลิตรเหมือนเดิมด้วย








รถคันแรก

[28 กันยายน] รมว.คลัง เคาะแล้ว รถคันแรกใช้เกณฑ์เดิม-ไม่เพิ่มซีซี

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เคาะแล้ว รถคันแรกใช้เกณฑ์เดิม ไม่เพิ่มขนาดซีซี, รถนำเข้า เปิดตัวโครงการ 11 ต.ค.นี้ ที่ไบเทค บางนา

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการรถคันแรก ในขณะนี้ได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้ว ภายหลังการหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และกรมสรรพสามิต โดยกระทรวงการคลังจะยึดหลักการเดิมในการดำเนินโครงการดังกล่าว โดยจะไม่มีการขยายความจุกระบอกสูบเครื่องยนต์จาก 1,500 ซีซี เป็น 1,600 ซีซี รวมทั้งไม่ขยายให้รถนำเข้าจากต่างประเทศเข้าร่วมโครงการ อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า โครงการดังกล่าวจะไม่เป็นการขีดกันทางการค้า ซึ่งทางกระทรวงการคลังพร้อมอธิบายให้กับผู้ประกอบการได้เข้าใจ

นายบุญทรง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนสถานที่ในการแถลงเปิดตัวโครงการนั้น จะจัดขึ้นในวันที่ 11 ตุลาคม นี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังเปิดเผยว่า โครงการบ้านหลังแรกได้มีการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาปรับเปลี่ยนหลักการบางส่วน เมื่อวานที่ผ่านมา โดยได้ปรับยืดระยะเวลาขอใช้สิทธิ์ทางภาษีได้ ถึงปี 2559 และหากยื่นใช้สิทธิ์แล้ว จะต้องดำเนินการติดต่อกันเป็นระยะเวลา 5 ปี นอกจากนี้ ยังได้ปรับเปลี่ยนจากการลดหย่อนภาษี เป็นการยกเว้นภาษีเท่ากับภาระภาษีในแต่ละปี แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อ

นายบุญทรง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนมาตรการเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่มีรายได้ ไม่ถึงหลักเกณฑ์ภาษีนั้น จะมีการหารือร่วมกับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในการออกมาตรการเพิ่มเติม โดยเบื้องต้น คาดว่าจะเป็นบ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท และคิดอัตราดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลา 3 ปี หากได้ข้อสรุปแล้ว จะมีการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้พิจารณาในสัปดาห์หน้า


[27 กันยายน] จับตาแผนปรับแพ็คแกจ รถคันแรก เข้า ครม.วันนี้





กรมสรรพสามิต เตรียมข้อเสนอใหม่มาตรการ รถคันแรก เพิ่มขนาดเครื่องยนต์-ไม่จำกัดเครื่องยนต์-ให้สิทธิ์รถนำเข้า ยื่นให้กับ ครม.วันนี้

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในการประชุม ครม. วันนี้ (27 กันยายน) ทางกรมสรรพสามิต จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมโครงการรถยนต์คันแรก ที่ได้เริ่มโครงการตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา โดยจะยังคงยึดหลักการเดิม แต่จะมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ข้อ เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มากขึ้น

โดยประเด็นที่จะพิจารณาเพิ่มเติมนั้น มีทั้งเรื่องรถยนต์นำเข้า รุ่น และขนาดเครื่องยนต์ รวมไปถึงการผ่อนไฟแนนซ์ ส่วนประเด็นในการเปิดกว้างเรื่องขนาดของเครื่องยนต์นั้น จะจำกัดราคาไม่เกินคันละ 1 ล้านบาท และสำหรับรถปิกอัพนั้น มีความเห็นว่า ไม่ควรจำกัดทางเลือก ทั้งรุ่น แหล่งผลิต หรือขนาด แต่ยังไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ เพราะต้องรอให้ทาง ครม. ตัดสินใจก่อน

แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิต กล่าวต่อว่า ได้เสนอแนวทางการปรับเงื่อนไขการให้สิทธิ์คืนเงินจากการซื้อรถยนต์คันแรกต่อ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแล้ว โดยเสนอข้อมูลและแนวทางเพิ่มเติมตามที่เอกชนเรียกร้อง เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน

สำหรับแนวทางที่เสนอเพิ่มเติมนั้น มีทั้งประเด็นการขยายขนาดเครื่องยนต์ จาก 1,500 ซีซี เป็นไม่เกิน 1,600 ซีซี ประเด็นการเปิดกว้างให้กับรถยนต์ทุกรุ่น โดยไม่จำกัดเครื่องยนต์ แต่อาจจะจำกัดวงเงินที่ 1 ล้านบาท และประเด็นการเปิดกว้างในส่วนของรถยนต์นำเข้า เพราะผู้ผลิตรถยนต์บางยี่ห้อที่ไม่ได้รับสิทธิ์เรียกร้องมาก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ทาง ครม. จะเลือกแนวทางใด อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นเพิ่มเติมดังกล่าว ไมได้ส่งผลให้ทางรัฐบาลมีภาระการจ่ายคืนเงินภาษีในปี 2556 มากกว่า 3 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน

แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า การเสนอให้ขยายขนาดเครื่องยนต์ หรือไม่จำกัดเครื่องยนต์ รวมไปถึงเรื่องรถนำเข้านั้น มีจุดประสงค์เพื่อที่จะเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน และแก้ไขปัญหาหรือข้อเรียกร้องต่าง ๆ ให้หมดไป นอกจากนี้ ทางกรมสรรพามิต ยังขอเสนอให้ครม.ปรับปรุงเงื่อนไขลิสซิ่ง ที่สามารรถขายรถได้ก่อน 5 ปี กรณีที่มีเหตุสุดวิสัย เช่นรถโดนยึด และการเรียกคืนเงินภาษี เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติระหว่างทางกรมสรรพามิต และบริษัทเอกชนด้วย






[26 กันยายน] คลัง ยันไม่ขยายซีซีรถคันแรก เล็งเพิ่มรถนำเข้า


ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล


'ธีระชัย'เล็งทบทวนโครงการรถคันแรก (ไอเอ็นเอ็น)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเผย ที่ประชุมเวิลด์แบงก์ ไอเอ็มเอฟเชื่อเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวระยะยาว เล็งทบทวนโครงการรถคันแรก เพิ่มรถนำเข้า ยัน ไม่ขยายซีซี เป็น 1600

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผ่านระบบซิสโก้ เทเลพรีเซนซ์ (Cisco TelePresence) จากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า จากการเข้าร่วมประจำปีผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ส่วนใหญ่มองตรงกันว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่วิกฤติดังกล่าวในสหรัฐฯ และยุโรปจะชะลอตัวต่อไปเป็นระยะยาว ซึ่งหลาย ๆ ประเทศควรระมัดระวังจากปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากการแก้ไขปัญหามีความชัดเจนและเริ่มคลี่คลาย ก็เชื่อว่าสถานการณ์ก็คงจะดีขึ้น

นายธีระชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า จากปัญหาดังกล่าวนั้น มองว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้นต่อภูมิภาคเอเชียและต่อไปประเทศไทยก็ควรมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัญหาดังกล่าวจะส่งแรงกระเพื่อมต่อตลาดทุน ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าและออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเรื่องนี้คงต้องให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดูแล

ส่วนการดำเนินโครงการรถคันแรกของรัฐบาลในขณะนี้ ยังคงรอข้อมูลจากทางกระทรวงพาณิชย์ในการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี เพื่อให้โครงการดังกล่าวสามารถเปิดช่องทางให้รถที่นำเข้า เข้าร่วมโครงการได้ แต่ในส่วนการปรับเพิ่มความจุกระบอกสูบเครื่องยนต์ให้เกิน 1,500 ซีซีนั้น คงจะไม่มีการพิจารณา

นายธีระชัยกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนการจัดทำงบกลางปี ปีงบประมาณ 2555 ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะจัดตั้งหรือไม่ เนื่องจากต้องรอดูการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลก่อน




Honda brio

[23 กันยายน] ค่ายรถแนะ รถคันแรก ใช้เกณฑ์เดียวกัน ราคาไม่เกิน 1 ล้าน


ผู้ประกอบการค่ายรถยี่ห้อดังทั้งหลาย เชื่อแนวคิดเพิ่มขนาดเครื่องยนต์เป็น 1.6 ลิตร ไม่ได้แก้ปัญหารถคันแรก แนะใช้กฎราคา 1 ล้านเหมือนปิกอัพดีกว่า

จากการที่รัฐบาลได้เสนอแนวคิดการเพิ่มขนาดเครื่องยนต์เพื่อจะขยายสิทธิ์ในโครงการรถคันแรกจาก 1,500 ซีซี. เป็น 1,600 ซีซี. นั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า หากมีการปรับเปลี่ยนจริง ไม่ควรยึดขนาดกระบอกสูบเป็นหลัก แต่ควรจะนำเกณฑ์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทมาใช้เช่นเดียวกับที่กำหนดใช้ในกลุ่มรถปิกอัพ ซึ่งรถปิกอัพเองก็ไม่ได้กำหนดซีซีเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังเห็นว่า การทำเช่นนี้จะไปสร้างปัญหาให้กลุ่มรถคอมแพคท์แทน ซึ่งมันจะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

นายพิทักษ์ กล่าวว่า จากการประชุมหารือสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ไทยเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ที่ประชุมส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องกันว่า หากจะกำหนดแนวทางที่จะก่อให้เกิดเงื่อนไขน้อยที่สุด ก็คือ แนวทางการกำหนดราคา 1 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่ได้ลงมติแต่อย่างใด โดยจะปล่อยให้แต่ละค่ายรถสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามอิสระ

นอกจากนี้ นายพิทักษ์ ยังแสดงความเห็นว่า โครงการรถคันแรกนี้ จะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ในช่วงสั้น ๆ ได้ แต่ก็ต้องติดตามดูว่า กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้จะดึงตลาดในอนาคตได้หรือไม่ ซึ่งถ้าสามารถดึงตลาดได้จริงก็จะกระทบต่อโครงสร้างตลาดในอนาคต แต่คงจะไม่ถึงขั้นกระทบต่อแผนการใหญ่ ๆ ของบริษัทผู้ประกอบการ

ส่วนทางด้าน นายวิกรานต์ อมาตยกุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกมากล่าวถึงเงื่อนไขใหม่นี้ว่า มิตซูบิชิ จะได้ประโยชน์จากแนวคิดการเพิ่มเครื่องยนต์มาเป็น 1,600 ซีซี.นี้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีรถกลุ่มนี้ทำตลาดคือ แลนเซอร์ ซีเอ็นจี จากที่ก่อนหน้านี้ มิตซูบิชิ ไม่มีรถยนต์นั่งที่ได้รับสิทธิ์เลย มีเพียงรถปิกอัพไทรทันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นายวิกรานต์ ก็เห็นว่า การปรับเพิ่มขนาดเครื่องยนต์เช่นนี้อาจทำให้เกิดปัญหาอื่นตามมา นั่นก็คือ ไปส่งผลกระทบต่อรถที่อยู่ในกลุ่มคอมแพคท์ ดังนั้นจึงเห็นว่า หากจะใช้ราคาจำหน่ายเป็นตัวกำหนดก็น่าจะดีกว่า เพราะขณะนี้รัฐกำหนดราคาปิกอัพไม่เกิน 1 ล้านบาท ก็คิดว่าน่าจะกำหนดรถยนต์ที่ 1 ล้านบาทได้เช่นกัน

ด้านนายประพัฒน์ เชยชม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาตรการการเพิ่มขนาดเครื่องยนต์ดังกล่าว ก็ไม่ได้ทำให้ความได้เปรียบเสียเปรียบในตลาดลดลงแต่อย่างใด เนื่องจากมีค่ายรถยนต์ที่ทำตลาดเครื่องยนต์นี้ไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้น ในส่วนของนิสสันเอง ก็มี ทีด้า 1,600 ซีซี. ทำตลาด แต่ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้เน้นและเริ่มถอยออกจากตลาดนี้แล้ว เน้นแต่รุ่น 1,800 ซีซี. เท่านั้น ทั้งนี้นายประพัฒน์ยังมองอีกว่า หากรัฐต้องการช่วยให้คนซื้อรถ ก็คือสนับสนุนในจำนวนเงินเท่ากันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรถอะไรก็ตาม ซึ่งจะทำให้โครงสร้างตลาดไม่เสียอีกด้วย





ฟอร์ด เฟียสต้า




สรรพสามิตเต​รียมเสนอ ขยายสิทธิ์ร​ถคันแรกให้​ครอบคลุม 1600 ซีซี รวมถึงรถจากต่างประเทศ ขณะที่ ก.คลัง เตรียมพิจารณานโยบายบ้านหลังแรกใหม่อีกครั้ง เพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น

เมื่อวันที่ 21 กันยายน นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักเกณฑ์เงื่อนไขมาตรการคืนเงินรถยนต์คันแรกไม่เกิน 1 แสนบาท เพื่อแก้ปัญหาการร้องเรียนถึงความไม่เป็นธรรมขอผู้ประกอบการรถยนต์และอุดช่องโหว่ของปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

โดยนายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า อาจขยายเพดานขนาดเครื่องยนต์จากไม่เกิน 1500 ซีซี เป็นรุ่นที่ไม่เกิน 1600 ซีซี เพื่อให้ครอบคลุมมากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ค่ายฟอร์ดได้ขอให้ขยายเงื่อนไขเป็นรถ 1600 ซีซี จากที่กำหนดไว้ 1500 ซีซี เพราะฟอร์ดยืนยันว่ารถยนต์ 1600 ซีซี ของฟอร์ด ประหยัดน้ำมัน ปล่อยมลพิษน้อย และราคาถูกกว่ารถยนต์ 1500 ซีซี บางรุ่นที่ได้รับสิทธิในครั้งนี้ นอกจากนี้ ก็อาจจะให้สิทธิกับรถยนต์จากต่างประเทศด้วย แต่ต้องราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทตามเดิม ทั้งนี้ ก็ต้องพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง โดยกรมสรรพสามิตจะนำเงื่อนไขเพิ่มเติมผู้ได้รับสิทธิคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกเสนอต่อที่ประชุมครม.วันที่ 27 กันยายน และจะสรุปรายละเอียดก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเปิดตัวโครงการในวันที่ 4 ตุลาคมนี้

นายพงษ์ภาณุ กล่าวต่อไปว่า การใช้เงินงบประมาณจ่ายชดเชยคืนนั้นยังมีตัวเลขไม่ชัดเจน แต่หากขยายขนาดเครื่องยนต์ก็อาจทำให้ต้องตั้งงบประมาณจ่ายคืนในปีถัดไปเพิ่มเติมจากเดิม 3 หมื่นล้านบาท แต่เชื่อว่าจะไม่ถึงหลักพันล้านบาท ทั้งนี้ หลังจากที่มาตรการมีผลบังคับไปเมื่อวันที่ 16 กันยายน พบว่ายอดขายรถและภาษีเก็บได้เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ต้องรอรายงานที่ชัดเจนอีกครั้ง

นอกจากนี้ สำหรับมาตรการบ้านหลังแรกก็กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาทบทวนใหม่ หลังจากที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้วเมื่อวันที่ 20 กันยายน เนื่องจากถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัย เพราะมีเพียงผู้มีเงินได้ตั้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไปเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์

โดยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กำลังพิจารณาทบทวนมาตรการเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์มากขึ้น โดยจะแก้วัตถุประสงค์จากเดิมที่จะทำเพื่อผู้ที่มีรายได้น้อยเป็นมาตรการกระตุ้นให้มีการซื้อ-ขายบ้าน พร้อมกันนี้ กรมสรรพากรจะเปลี่ยนแปลงวิธีหักลดหย่อนใหม่ ซึ่งจะเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อบ้านมากขึ้น เพื่อให้ได้เงินคืนมากกว่าเดิม






[21 กันยายน] คลังทบทวนรถคันแรก เล็งให้สิทธิ์รถ 1,600 ซีซีเพิ่ม
คลังพิจารณาเงื่อนไขรถคันแรกใหม่ จ่อให้สิทธิ์รถยนต์เครื่องยนต์ 1,600 ซีซี ที่มีราคาไม่เกินเกณฑ์เพิ่ม หลังผู้ประกอบการร้อง คาดรู้ผลปลายเดือนนี้

จากกรณีที่ผู้ประกอบการรถยนต์บางค่ายออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ เนื่องจากมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาลไม่ให้สิทธิ์กับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์มากกว่า 1,500 ซีซี ทั้งที่รถยนต์ 1,600 ซีซี บางรุ่นมีราคาถูกกว่ารถยนต์ 1,500 ซีซีบางรุ่น และเข้าเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนด

เกี่ยวกับกรณีนี้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า สำหรับข้อร้องเรียนของผู้ประกอบการนั้น ทางกระทรวงกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาว่า อาจจะขยายเพดานของนโยบายให้ครอบคลุมรถยนต์ที่มีขนาด 1,600 ซีซีด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ หรืออย่างช้าก็คือต้นเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม การจะขยายเพดานมาตรการดังกล่าว ทางกระทรวงต้องดูเรื่องผลกระทบและเม็ดเงินที่จะชดเชยเพิ่มขึ้นด้วย

ด้านนายวิกรานต์ อมาตยกุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หากรัฐทบทวนมาตรการให้สิทธิ์กับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 1,600 ซีซี โดยใช้ราคาเป็นตัวกำหนด ทางมิตซูบิชิ ก็จะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น เพราะจากมาตรการเดิมรถยนต์นั่งของมิตซูบิชิไม่เข้าข่ายเงื่อนไขเลย

ขณะที่นายประพัฒน์ เชยชม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้รัฐบาลอาจจะให้สิทธิ์กับรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 1,600 ซีซี แต่ก็ยังเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในตลาดอย่างชัดเจน เพราะมีค่ายรถยนต์ที่ทำตลาดเครื่องยนต์ไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้น แม้ว่าโครงการดังกล่าวจะกระตุ้นยอดขายได้ แต่ก็ไม่ได้โตทั้งตลาด







[16 กันยายน] ถกลงตัว! ลิสซิ่งขายรถได้ก่อน 5 ปี หากผู้ซื้อเบี้ยวผ่อน

สรรพสามิตไฟเขียวให้ลิสซิ่งขายรถที่ยึดจากผู้ซื้อเบี้ยวผ่อนต่อได้ก่อน 5 ปี แต่หากขายรถได้ต้องคืนรัฐบาล 1 แสน ด้าน รมว.พาณิชย์ ปัดตอบรถคันแรกผิดหลัก WTO หรือไม่ โบ้ยให้ถามขุนคลังแทน

หลังจาก ครม.เห็นชอบนโยบายคืนภาษีรถคันแรก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนนี้ ก็ทำให้ทางสมาคมผู้ประกอบการเช่าซื้อ หรือ ลิสซิ่ง ออกมาแสดงความเป็นห่วงทันทีว่า หากผู้ซื้อรถได้รับเงินภาษีคืนแล้วใน 1 ปี อาจจะไม่ชำระหนี้ต่อ และยอมให้รถถูกยึดแทน และถึงกระนั้น ทางลิสซิ่งก็ไม่สามารถนำรถไปขายต่อได้ เพราะติดสัญญาห้ามโอนเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งด้วยข้อสัญญานี้ทำให้ลิสซิ่งมีความเสี่ยงที่จะต้องแบกรับภาระหนี้เสียไว้เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ล่าสุด ทางลิสซิ่งได้เข้าประชุมหารือถึงทางออกของปัญหากับกรมสรรพสามิตแล้ว และได้ข้อสรุปร่วมกันว่า กรมสรรพสามิตจะอนุญาตให้ลิสซิ่งโอนรถให้กับผู้อื่นได้ โดยไม่ต้องรอให้ถึง 5 ปีตามสัญญา หากผู้ซื้อรถผิดนัดชำระหนี้ตามข้อกำหนด 3 เดือน ไฟแนนซ์จะสามารถเจรจาตามยึดรถคืนได้ทันที และเมื่อลิสซิ่งนำรถยนต์ไปขายต่อขายได้ราคาเท่าใดแล้ว ให้นำมาหักภาระหนี้ และส่งเงินคืนรัฐบาล 100,000 บาท ทั้งนี้ ระหว่างที่ขอคืนเงินชดเชยประชาชนต้องทำสัญญากับกรมสรรพสามิตด้วยว่า หากผิดนัดชำระหนี้ต้องคืนเงินชดเชยกับรัฐบาล

ขณะเดียวกัน นอกจากปัญหาเรื่องการผิดนัดชำระหนี้รถคันแรกแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่หลายฝ่ายยังเป็นกังวลอยู่ก็คือ นโยบายรถคันแรกอาจขัดต่อกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) เรื่องการกีดกันทางการค้า เนื่องจากรัฐบาลกำหนดหลักเกณฑ์การซื้อรถคันแรกว่า ต้องเป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศเท่านั้นจึงจะได้รับสิทธิคืนภาษี

เกี่ยวกับประเด็นนี้ นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ทางกรมกำลังจัดทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวเสนอต่อนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ โดยอาจปรับถ้อยคำของนโยบาย เพื่อไม่ให้ขัดแย้งกับกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก ซึ่งแม้ว่านโยบายรถคันแรกนี้จะไม่ผิดกติกาขององค์การการค้าโลก และเป็นการส่งเสริมให้คนไทยบริโภคสินค้าในประเทศที่ทุกประเทศสามารถทำได้ แต่ต้องใช้วิธีการที่จะไม่เป็นการขัดผลประโยชน์ของต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า นโยบายรถคันแรกผิดต่อหลักเกณฑ์ขององค์การการค้าโลกหรือไม่ โดยระบุว่าให้ไปสอบถามจากนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง แทน


รถคันแรกป่วน 3 ค่ายยักษ์ เจอลูกค้าชะลอจอง

นโยบายรถคันแรกป่วน คลังคุยลีสซิ่ง แก้ปมทิ้งรถ 3 ค่ายยักษ์ เจอลูกค้าชะลอจอง รอใช้สิทธิ์

จากการสำรวจศูนย์จำหน่ายรถยนต์ที่เข้าข่ายโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ของสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. และได้สอบถามถึงการใช้สิทธิ์รับใบจองรถคันแรกตามนโยบายรัฐบาล อย่างศูนย์รถยนต์นิสสัน หลายสาขาพบว่า มีรถที่เข้าข่ายโครงการรถคันแรกคือ นิสสัน รุ่นมาร์ช มีลูกค้าสนใจเข้ามาดูและจองก่อนวันที่ 16 กันยายน 54 แต่หลังจากนโยบายดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชน ทำให้ลูกค้าต่างทยอยโทรศัพท์มาขอเลื่อนการจองออกไปหลายรายด้วยกัน ซึ่งทางสาขาก็ไม่กังวล เพราะเป็นนโยบายที่ต้องการส่งเสริมคนมีรถยนต์คันแรก แต่ก็ถือว่ากระทบ เพราะลูกค้าที่หาได้ แต่ละรายก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก ซึ่งรถรุ่นนี้เป็นรถอีโคคาร์ และได้คืนเงินน้อยกว่าอีโคคาร์ของค่ายอื่น ๆ อาจทำให้ลูกค้าตัดสินใจไปซื้อยี่ห้ออื่น บริษัทอื่นได้ แต่ทั้งนี้คาดว่า วันเสาร์ที่ 17 กันยายน 54 จะทราบเงื่อนไขและขั้นตอนทั้งหมด เนื่องจากผู้จัดการจะต้องไปประชุมเพื่อปรับความเข้าใจในการขายรถยนต์ให้ตรงกับนโยบาย และเข้าใจตรงกัน รวมถึงทำความเข้าใจให้ลูกค้าได้ตรงกันด้วย

ขณะที่ฝ่ายขายของศูนย์รถยนต์มาสด้าแห่งหนึ่ง กล่าวว่า รถคันแรกก็กระทบเหมือนกัน มีลูกค้าในมืออยู่หลายรายที่มาดูรถ และขอจอง แต่ต่อมาพอมีนโยบายรถคันแรกให้ใช้สิทธิ์ได้ในวันที่ 16 กันยายน คือวันนี้เป็นวันแรกที่ได้รับสิทธิ์ หากผ่านไฟแนนซ์และได้เงินคืนจะได้ในอัตราที่สูง กรณีลูกค้าบางรายขอเงินมัดจำคืน แล้วได้พยายามชี้แจงว่า จะไม่ได้เงินมัดจำคืน แต่ลูกค้าก็ยืนยันว่า เงินมัดจำกับจำนวนเงินที่ได้คืนจากการซื้อก็ถือว่าคุ้ม แต่ทางศูนย์ก็คืนเงินมัดจำให้ ซึ่งก็ต้องรอดูวันนี้ ที่กระทรวงการคลังได้หารือกับกลุ่มไฟแนนซ์ ว่า จะมีทางออกกรณีลูกค้าซื้อรถคันแรกเพื่อหวังเงินแสน จะมีผลออกมาว่าอย่างไร การวางเงินมัดจำจะยึดที่ 20 % หรือ 25 % โดยไม่ต้องค้ำประกัน หรือจะดาวน์รถราคา 5 % แล้วจะลดความเสี่ยงที่ลูกค้ารับเงินคืน แล้วไม่ส่งต่ออย่างไร

ทั้งนี้ เดิมที ฝ่ายขายเข้าใจว่า จะยึดวันจดทะเบียน แต่เพราะรัฐบาลไม่ชัดเจนก่อนหน้านี้ ทำให้ลูกค้ามาดูรถที่ชอบและตัดสินใจจอง แต่ปรากฏว่า เริ่มวันรับใบจองวันนี้เป็นวันแรก ลูกค้าที่จองก่อนหน้านี้ ก็เริ่มทยอยโทรศัพท์มาขอเลิกการจองหลายราย


สรรพสามิต ยันคืนภาษีให้ผู้ซื้อรถคันแรกผ่านไฟแนนซ์

จากการที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง ได้เข้าร่วมหารือร่วมกับผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมาคมเช่าซื้อรถยนต์ สมาคมวินาศภัย เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการคืนภาษีสำหรับรถยนต์คันแรกเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา

นายบุญทรง ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมสรรพสามิตกำลังจัดทำระบบและขั้นตอนการคืนเงิน โดยจะแจ้งภาษีรถยนต์ในแต่ละรุ่นให้กับประชาชนรับทราบ รวมไปถึงขั้นตอนการคืนเงิน และคำร้องคืนเงิน ในเว็บไซต์กรรมสรรพสามิต (
www.excise.go.th) ภายในวันนี้ (16 กันยายน) ซึ่งผู้ที่จะได้รับสิทธิ์คืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกจะต้องมีการจองซื้อรถยนต์หลังจากวันที่ 16 กันยายน เป็นต้นไป และถ้าหากจองซื้อก่อนหน้าวันดังกล่าวก็จะไม่ได้รับสิทธิ์

ทั้งนี้ ในช่วงปิดโครงการวันที่ 31 ธันวาคม 2555 รถที่จะใช้สิทธิ์นั้น จะต้องมีการจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกให้เรียบร้อย จึงจะสามารถขอใช้สิทธิ์ได้ และไม่ยึดใบจอง ส่วนกรณีของผู้จดทะเบียนตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมานั้น จะต้องมีการตรวจสอบในแนวทางอื่น ๆ ร่วมด้วยว่า ผู้ที่ขอใช้สิทธิ์นั้นเป็นผู้ที่มีรถคันแรกจริงหรือไม่ ส่วนการการคืนเงินภาษีนั้น จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี

รมช.คลัง ยังกล่าวอีกว่า ส่วนการคืนภาษีให้กับผู้ผ่อนไฟแนนซ์นั้น ทางรัฐบาลยืนยันว่า จะคืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถอย่างแน่นอน แต่ถ้ารถดังกล่าวผู้เช่าไม่สามารถผ่อนจนหมดได้ ก็ต้องถูกยึดรถ ทางบริษัทไฟแนนซ์ก็ต้องช่วยตามทวงภาษีคืนจากผู้ซื้อให้ได้ แต่ถ้าเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ ทางรัฐบาลจะตามทวงคืนเอง ส่วนรถดังกล่าวทางกรมสรรพสามิตจะพิจารณาถึงการคืนสิทธิ์ในการห้ามโอนต่อไฟแนนซ์เพื่อนำไปซื้อขายต่อได้

อย่างไรก็ตาม การเงินคืนเป็นการหน้าที่ของกรมสรรพสามิตที่จะต้องดำเนินการ ซึ่งตนยอมรับว่า การคืนภาษีในครั้งนี้ จะไม่มีกลไกตามภาษีคืน และไม่มีการปรับเงินเพิ่มเหมือนกับการไม่จ่ายภาษีให้กรมสรรพากร แต่ทางรัฐบาลจะใช้กฎหมายแพ่งเพื่อฟ้องเรียกเงินคืนเป็นราย ๆ ไป

ขณะที่ นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงเรื่องใบจองก่อนวันที่ 16 กันยายนว่า ผู้ซื้อต้องหารือกับตัวแทนจำหน่าย หรือบริษัท ในการคืนใบจอง และจองซื้อใหม่ เพื่อให้เข้าเงื่อนไขของทางภาษี ซึ่งทางฮอนด้าพร้อมที่จะคืนเงินจองในส่วนที่จองไปก่อนให้เสมอ


ดาวน์โหลดข้อมูลการคืนเงินรถยนต์คันแรก (Excel File)
รถยนต์นั่ง คลิกที่นี่

รถยนต์นั่งที่มีกระบะ(Double Cab) คลิกที่นี่

รถยนต์กระบะ(Pick Up) คลิกที่นี่








[15 กันยายน] ส่อเละ! คืนภาษีรถคันแรก ช่องโหว่ ได้แล้วเลิกผ่อน





คืนภาษีรถคันแรกส่อแววเละ ช่องโหว่เพียบ โดยเฉพาะหลังได้เงินคืนแล้วเลิกผ่อน สรรพสามิต รับไม่มีกฎหมายบังคับ เอกชนยันตามรถคืนได้ต้องจ่ายไฟแนนซ์ก่อนคืนรัฐ ฟรีดาวน์ 0% ไม่มีแน่ เพราะเสี่ยง

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2554 นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงมาตรการคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกว่า ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูเว็บไซต์ www.excise.go.th ได้หลังวันที่ 16 ก.ย. ซึ่งจะมีรายละเอียดและขั้นตอนปฏิบัติต่าง ๆ โดยเฉพาะรายละเอียดรถยนต์แต่ละยี่ห้อ ว่ามีภาษีที่จะได้รับคืนจำนวนเท่าใด ซึ่งผู้ซื้อรถคันแรกที่ขอคืนเงิน ต้องส่งหลักฐานครบ 7 อย่าง ภายในวันที่ 31 ธ.ค.2555 ซึ่งกรมฯ จะใช้เวลา 7 วัน ยืนยันการได้รับคืนภาษี และผู้ซื้อรถจะได้รับเงินหลังซื้อแล้ว 1 ปี

"ตั้งงบไว้ 3 หมื่นล้านบาท รองรับในปี 2556 แต่หากมีผู้ใช้สิทธิมากก็อาจขอเพิ่มงบจากรัฐบาลในอนาคต"

ขณะที่ นายจุมพล ริมสาคร รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า มาตรการนี้จะยึดตามข้อมูลกรมขนส่งเป็นลำดับแรก แต่หากข้อมูลไม่สมบูรณ์ก็ต้องตรวจสอบต่อ ซึ่งหากพบภายหลังว่าไม่ใช่ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกจริง ก็ต้องยึดเงินกลับคืน ส่วนกรณีรถติดไฟแนนซ์ก็มี 2 กรณีคือ ไฟแนนซ์ติดตามและนำมาคืนรัฐ แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัย ก็ต้องให้ส่วนราชการติดตามคืน ทั้งนี้ การคืนไม่ใช่การคืนตามบทบัญญัติกฎหมาย และไม่ใช่คืนภาษี จึงไม่มีกฎหมายบังคับการกระทำผิด แต่จะมีเงื่อนไขระบุไว้ ซึ่งจะไม่มีเบี้ยปรับ แต่อาจมีดอกเบี้ยทางแพ่ง

ด้าน นายชลิต ศิลป์ศรีสุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ ในฐานะรองประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวว่า กรณียึดรถนั้นต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่าซื้อก่อน คือคืนหนี้เช่าซื้อก่อน จึงคืนเงินให้รัฐได้ ซึ่งมาตรการครั้งนี้อาจทำให้สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ ต้องเพิ่มเงื่อนไขมากกว่าปกติ โดยเฉพาะการวางเงินดาวน์ 0% อาจไม่สามารถทำได้ เพราะภายหลังจากที่ครบ 1 ปี เมื่อผู้ซื้อได้รับเงินภาษีคืนไปแล้ว 1 แสนบาท อาจกระตุ้นให้ผู้ซื้อเลิกผ่อนชำระต่อ สถาบันการเงินจึงต้องเพิ่มเงินดาวน์ เพื่อลดความเสี่ยง และยังกังวลว่ามาตรการจะกระตุ้นให้ผู้เช่าซื้อกลุ่มใหม่ที่มีกำลังซื้อไม่ มากพอเข้ามาซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น หรืออาจสวมสิทธิซื้อแทนกันเพื่อหวังได้รับการคืนภาษี

ทางฝั่งของนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีเงา กล่าวว่า
ถือเป็นการใช้เงินภาษีที่ไม่คุ้มค่า โดยควรนำเงิน 3 หมื่นล้านบาทไปลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้เหลือ 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ดีกว่า เพราะรองรับผู้โดยสาร 5 แสนคนต่อวันได้ถึง 30 ปี

นายกรณ์ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลชุดนี้จะรีดภาษีจากใครมากขึ้น เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจากการดำเนินมาตรการตามนโยบายประชานิยม ต้องการให้รัฐบาลชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพราะเชื่อว่าสุดท้ายคงไม่พ้นภาษีสรรพากร ไม่ว่าจะเป็นภาษีบุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่ม และอยากให้ยืนยันกฎหมายภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง ที่พรรคเพื่อไทยเคยยืนยันไว้ในหลายเวทีว่าพร้อมสนับสนุนด้วย


วันเดียวกัน นายเคร็ก สเตฟเฟนเซน ผู้อำนวยการ สำนักงานธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ประจำประเทศไทย เผยว่า เอดีบีได้ปรับลดอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้จาก 4.5% เหลือ 4.0% และปีหน้าปรับจาก 4.8% เหลือ 4.5% โดยได้รวมผลของมาตรการนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และภาษีรถยนต์คันแรกแล้ว แต่ภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังชะลอตัว เนื่องจากครึ่งปีแรกขยายตัวต่ำมากเพียง 2.9% เพราะถูกกระทบจากภัยพิบัติในญี่ปุ่น

"ช่วงที่เหลือของปียังมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้า และยังมีแรงกดดันจากการเร่งตัวเงินเฟ้อ" นายเคร็กระบุ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมรับว่า การปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยของเอดีบีถือว่าใกล้เคียงกับที่ ธปท.ประเมินไว้อยู่แล้ว



[14 กันยายน] เปิดหลักเกณฑ์คืนภาษี รถคันแรก ซื้อก่อนปี 49 ส้มหล่น!!!




ทันทีที่ มติ ครม.เมื่อวันที่ 13 กันยายน ไฟเขียวมาตรการคืนภาษีสรรพสามิตรถยนต์คันแรกไม่เกิน 1 แสนบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ก็ส่งผลให้ทั้งผู้ที่ฝันอยากจะมีรถคันแรกหลายคนถึงกับเฮ ที่จะได้รับสิทธิจากนโยบายนี้ ขณะที่ค่ายรถน้อยใหญ่ต่างก็ขานรับ และเร่งปรับกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายกันจ้าละหวั่น หลังจากก่อนหน้านี้นโยบายดังกล่าวยังสร้างความสับสนในรายละเอียด ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อรถยนต์เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ใครจะเดินเข้าไปเลือกซื้อรถยนต์ เพื่อรับสิทธิ์คืนภาษีแล้ว ผู้ซื้อต้องตรวจสอบหลักเกณฑ์ของนโยบายนี้ให้แน่ชัดเสียก่อน เพื่อพิจารณาให้ดีว่า เราเข้าข่ายได้รับสิทธินี้หรือไม่ ซึ่งหลักเกณฑ์นโยบายรถคันแรก มีดังนี้

1. ต้องเป็นรถยนต์คันแรกของผู้ซื้อ

2. ต้องทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2554-31 ธันวาคม พ.ศ.2555

3. เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคัน

4. เป็นรถยนต์นั่ง ขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร/รถกระบะ (Pick up)/รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (Double Cab)

5.เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)

6. คืนเงินเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน

7. ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

8. ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี หากผู้ซื้อรถไม่สามารถผ่อนต่อได้ หรือมีเหตุอย่างอื่น จะต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับให้กรมสรรพสามิต หากไม่ดำเนินการ ทางกรมสรรพสามิตจะใช้วิธีการทางศาล เพื่อให้สั่งให้คืนทะเบียนรถยนต์

9. การคืนเงินจะคืนเมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปีไปแล้ว โดยจะเริ่มจ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป ซึ่งกรมสรรพสามิตจะจ่ายผ่านทางเช็คเงินสดครั้งเดียวเต็มจำนวน

10. สามารถซื้อรถแบบเงินผ่อนผ่านไฟแนนซ์ หรือเงินสดก็ได้

11. รถมือสองไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ เนื่องจากรถมือสองไม่มีภาษีสรรพสามิตในการซื้อ-ขาย

สำหรับแนวทางการดำเนินงาน หลังจากซื้อรถยนต์ตามหลักเกณฑ์ข้างต้นในช่วงวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2554-31 ธันวาคม พ.ศ.2555 แล้วนั้น ผู้ซื้อรถคันแรกต้องยื่นคำขอคืนเงินกับกรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ พร้อมเอกสารหลักฐาน ดังนี้

- หนังสือยินยอมสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปี

- สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ซื้อ

- สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ในกรณีเช่าซื้อ)

จากนั้นกรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ จะส่งหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อขอตรวจสอบการครอบครองรถยนต์คันแรก และแจ้งการสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปีของผู้ซื้อ ก่อนที่กรมการขนส่งทางบกหรือสำนักงานขนส่งจังหวัดตรวจสอบและบันทึก "ห้ามโอนภายใน 5 ปี" ลงในคอมพิวเตอร์และในสมุดคู่มือการจดทะเบียน

เมื่อบันทึก "ห้ามโอนภายใน 5 ปี" ลงในคอมพิวเตอร์แล้ว กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด จะส่งหนังสือรับรองการครอบครองรถยนต์คันแรก และสำเนาคู่มือการจดทะเบียนที่บันทึก "ห้ามโอนภายใน 5 ปี" ให้กรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ เมื่อกรมสรรพสามิต หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว จะสั่งจ่ายเช็คเงินสดคืนให้แก่ผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจากราคารถยนต์ และอัตราภาษีของรถยนต์ประเภทต่าง ๆ ในท้องตลาด เพื่อคิดเป็นสัดส่วนเงินภาษีที่จะได้รับคืน จะพบว่า

- รถอีโคคาร์ ราคาประมาณคันละ 3.75-5.4 แสนบาท เก็บภาษี 17% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนเฉลี่ย 45,000 บาท

- รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (ไม่เกิน 1,500 ซีซี) ราคาประมาณคันละ 5-7 แสนบาท เก็บภาษี 25% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

- รถกระบะ 2 ประตู ราคาประมาณคันละ 3-5 แสนบาท เก็บภาษี 3% ผู้ซื้อจะได้รับเงินเฉลี่ย 10,000 บาท

- รถกระบะ 4 ประตู ราคาประมาณคันละ 7-8 แสนบาท เก็บภาษี 12% ผู้ซื้อจะได้รับเงินคืนเฉลี่ย 60,000 บาท

โดยมาตรการการคืนเงินภาษีดังกล่าวนี้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มั่นใจว่าจะก่อให้เกิดผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้ทุกประเภท ทั้งภาษีรถยนต์ ภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นเงินที่มากกว่าจำนวนเงินที่จะต้องใช้คืนภาษีรถคันแรก โดยจะใช้งบประมาณราว 3 หมื่นล้านบาท และเบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้ยื่นจดทะเบียนซื้อรถยนต์คันแรกประมาณ 5 แสนคัน

อย่างไรก็ตาม รมช.คลัง ยอมรับว่า ยังไม่ได้หารือแนวทางการป้องกันการสวมสิทธิ์ แต่ก็จะขอร้องให้ผู้ที่จะมาสวมสิทธิ์แสดงความเห็นใจบุคคลที่ยังไม่เคยมีรถยนต์เป็นของตัวเองด้วย

ขณะที่ นายเทียนโชติ จงพีร์เพียร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กล่าวถึงการดำเนินงานตามมาตรการรถคันแรก ว่า ทางกรมขนส่งทางบกจะเชื่อมโยงฐานข้อมูลรายชื่อการยื่นจดทะเบียนการครอบครองรถยนต์ไปยังกรมสรรพสามิต เพื่อตรวจสอบว่า ผู้ที่ยื่นขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีรถคันแรกเคยเป็นเจ้าของรถยนต์มาก่อนหรือไม่ หากพบว่ามีรายชื่ออยู่ก็จะถูกตัดสิทธิทันที

สำหรับโครงการนี้ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยอมรับว่า ยังมีปัญหาเรื่องฐานข้อมูลการยื่นจดทะเบียนรถยนต์ เพราะฐานข้อมูลมีบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ถึงปัจจุบันเท่านั้น แต่ช่วงก่อนหน้าปี พ.ศ.2549 ยังไม่ได้มีการเชื่อมฐานข้อมูลให้ออนไลน์ทั่วประเทศ ทำให้ฐานข้อมูลไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ดังนั้น อาจต้องยกประโยชน์ให้กับผู้ที่เคยยื่นจดทะเบียนซื้อรถยนต์ก่อนปี พ.ศ.2549 สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน







รถคันแรก สรรพสามิตคืนภาษีทางตรงให้ผู้ซื้อ (ไอเอ็นเอ็น)


บุญทรง เผยซื้อรถคันแรก สรรพสามิตคืนภาษีทางตรงให้ผู้ซื้อ ไม่ต้องขอลดหย่อน เมินดึงรถมือสองร่วมโครงการ เหตุปลอดภาษีสรรพสามิตในการซื้อ - ขายอยู่แล้ว

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการคืนภาษีสรรพสามิตรรถยนต์คันแรกไม่เกิน 100,000 บาท ไปเมื่อวานนี้ (13 กันยายน) โดยในวันนี้ (14 กันยายน) ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านภาษีเข้าหารือที่กระทรวงการคลัง รวมถึงผู้ประกอบการรถยนต์ในประเทศ สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อและบริษัทประกันภัยเข้าฟัง ชี้แจง และรับทราบปัญหา โดยรถกระบะเชิงพาณิชย์ เริ่มเก็บภาษีสรรพสามิตที่ 3 % ดับเบิ้ลแคป 12 % อีโคคาร์ 17 % และรถยนต์นั่ง ประมาณกว่า 120 %

ทั้งนี้ รูปแบบการคืนภาษีรถยนต์คันแรกให้กับผู้ซื้อนั้น กระทรวงการคลังจะยึดตามมติ ครม. เมื่อวานนี้ (13 กันยายน) ที่ให้คืนภาษีสรรพสามิตโดยตรงให้กับผู้ซื้อรถ โดยไม่ต้องเข้าแบบฟอร์มยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพื่อขอลดหย่อนภาษี โดยกระทรวงการคลังจะคืนเงินให้เป็นเช็คไม่เกิน 100,000 บาท แต่ผู้ซื้อต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนด เช่น อายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี ไม่เคยเป็นเจ้าของรถมาก่อน ห้ามเปลี่ยนมือภายใน 5 ปี ขนาดของเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี ราคาไม่เกิน 1,000,000 บาท และเป็นรถยนต์นั่ง รถกระบะ กระบะดับเบิ้ลแคป ส่วนจะซื้อแบบผ่อนผ่านไฟแนนซ์ หรือเป็นเงินสดก็สามารถดำเนินการได้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรถยนต์มือสอง ยังไม่รวมเข้าโครงการนี้ เนื่องจากรถมือสอง ไม่มีภาษีสรรพสามิตในการซื้อ - ขาย





ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร


[13 กันยายน] ครม.ไฟเขียว ลดภาษีรถคันแรก

นายกฯ เผย ครม. อนุมัตินโยบายลดภาษีรถคันแรก มีผล 1 ก.ย.นี้ ส่วนโยกย้ายอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ รมว.ยุติธรรม เป็นผู้ตอบ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2554 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุม คณะรัฐมนตรี ได้มีการอนุมัติการลดภาษีรถคันแรก 100,000 บาท โดยให้มีผลตั้งแต่ วันที่ 1 กันยายน 2554 เป็นต้นไป และที่ประชุมยังมีการพิจารณาเรื่องการโยกย้ายข้าราชการในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการโยกย้าย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่า เพื่อต้องการเปิดทางช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ชี้แจงจะดีกว่า

นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ เวลา 20.30 - 23.00 น. ทางรัฐบาลได้จัดงานรวมพลังไทยช่วยไทยน้ำท่วม โดยสำนักนายกรัฐมนตรีและภาคส่วนต่าง ๆ ได้ร่วมมือกัน เพื่อนำรายได้ช่วยประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งในงานทางคณะรัฐมนตรี ศิลปิน และดารา จะช่วยกันรับบริจาค โดยจะมีการถ่ายทอดสด จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมด้วยช่วยกัน

เปิดหลักเกณฑ์ ลดภาษีรถคันแรก

1. จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี และไม่เคยเป็นเจ้าของรถยนต์คันใดมาก่อน

2. จะต้องซื้อในระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2554 ถึง 31 ธันวาคม 2555

3. ต้องเป็นรถยนต์นั่งขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี หรือรถกระบะไม่จำกัดขนาดเครื่องยนต์ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท

4. ต้องขึ้นทะเบียนเพื่อประทับตราห้ามซื้อขายแลกเปลี่ยนมือลงในสมุดทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว เป็นระยะเวลา 5 ปี

5. ต้องจ่ายเงินในราคาเต็มไปก่อน และเมื่อถือครองรถยนต์ครบ 1 ปี ให้มาติดต่อทางกรมสรรพสามิตพื้นที่ เพื่อขอเงินชดเชยคืนในอัตราที่จ่ายภาษีไป




จับตา ครม.วันนี้ ถกจำนำข้าว-ภาษีรถคันแรก

วาระสำคัญประชุม ครม.วันนี้ พิจารณาหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าวและรายชื่อ กขช. ด้านกระทรวงการคลัง ชงคืนเงินภาษี 1 แสนบาทผู้ซื้อรถคันแรก และจับตาการโยกย้าย ขรก.ยุติธรรม

การ ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมวันนี้ มีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูการผลิตปี 2554 และ 2555 ทั้งในเรื่องของราคา การรับจำนำข้าว รายชื่อคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ รวมทั้งการตั้งคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอโครงการปล่อยกู้บ้านหลังแรกดอกเบี้ย 0 % และการคืนเงินภาษี 100,000 บาท สำหรับผู้ที่ซื้อรถคันแรกเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม

นอกจากนี้ ในการประชุม ครม. ยังต้องจับตาการโยกย้ายข้าราชการ ภายหลังจากมีรายงานข่าวว่า รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงยุติธรรมได้จัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 เพื่อทดแทนข้าราชการที่จะครบเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เพื่อเสนอให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในการประชุม

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีก็จะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทยต่อไป




[30 สิงหาคม] คลังสรุปลดภาษีรถคันแรก ให้เฉพาะอีโคคาร์-กระบะ


กระทรวงคลัง สรุปลดภาษีสรรพสามิต รถยนต์คันแรก ให้เฉพาะรถกระบะ และอีโคคาร์ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เร่งเสนอ ครม. ให้ประกาศบังคับใช้ในเดือน ต.ค. นี้

วันนี้ (30 สิงหาคม) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการรถคันแรก ในขณะนี้ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ทางรัฐบาลจะมีการลดหย่อนภาษีให้ในส่วนเฉพาะรถกระบะ และรถยนต์อีโคคาร์ เท่านั้น ซึ่งจะต้องมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยจะปรับลดหย่อนในส่วนของภาษีสรรพสามิตให้เต็มจำนวน แต่ไม่เกินวงเงิน 1 แสนบาท ซึ่งจะนำไปลดหย่อนในการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดา ในระยะเวลา 5 ปี กับทางกรมสรรพากร ทั้งนี้มีผู้สิทธิลดหย่อนภาษี จะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในระบบภาษีของกรมสรรพากรเท่านั้น ส่วนผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีกรมสรรพากรจะไม่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งในรายละเอียดต่าง ๆ นั้น คงต้องให้ทางกรมสรรพากรไปหาข้อสรุปร่วมกับกรมสรรพสามิตต่อไป

นายบุญทรง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงการดังกล่าวจะเร่งเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีการประกาศในเดือน กันยายน และให้มีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2554


[29 สิงหาคม] คลังเดินหน้า นโยบายลดภาษีรถยนต์คันแรก


คลังมาตามสัญญา เตรียมลดภาระภาษีรถยนต์คันแรกตามที่หาเสียงไว้ เน้นรถราคาไม่เกินล้าน ห้ามเปลี่ยนมือ 5 ปีแรก

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างมอบนโยบายให้กับผู้บริหารกรมสรรพากร ว่า กระทรวงการคลังกำลังเดินหน้านโยบายรถยนต์คันแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายระยะสั้นตามที่หาเสียงไว้ เพื่อต้องการให้คนทำงาน นักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงาน มีรถยนต์คันแรกไว้ใช้ในการประกอบอาชีพ หรือขับไปทำงาน เน้นรถยนต์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท เช่น รถปิกอัพ รถยนต์ส่วนบุคคล ห้ามเปลี่ยนมือในช่วง 5 ปีแรก

สำหรับแนวทางการลดภาระภาษี จะใช้แนวทางการลดหย่อนภาษี ซึ่งขณะนี้กำลังหาข้อสรุปอยู่ โดยจะนำข้อสรุปทั้งหมดเสนอพร้อมกับนโยบายอื่นให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา และในฐานะกำกับดูแล 3 กรมจัดเก็บรายได้ จะหารือกับอธิบดีทั้ง 3 กรมอีกครั้ง เกี่ยวกับแนวทางการจัดเก็บภาษี รองรับการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล
















โครงการบ้านหลังแรก

            โครงการบ้านหลังแรก





บ้านหลังแรกหักภาษีไม่คึก! ปชป.ซัดนโยบายสับสน






งานบ้านและคอนโดเงียบ คนเมินมาตรการซื้อบ้านหักภาษี ด้าน ครม.เงา ซัดรัฐเปลี่ยนนโยบายไป ๆ มา ๆ ทำคนสับสน ชี้ปล่อยกู้ดอกเบี้ย 0% 3 ปี ให้บ้านหลังไม่เกินล้าน บ้านใน กทม.-คนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 25 ซึ่งจัดไปเมื่อวันที่ 29 กันยายน-2 ตุลาคมที่ผ่านมา บรรยากาศกลับไม่คึกคักดังที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยก่อนหน้านี้ คาดการณ์กันว่า จะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 1 แสนคน และมียอดขายทะลุ 3 พันล้านบาท ซึ่งได้จากอานิสงส์ของมาตรการหัดภาษีบ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทที่รัฐบาลเข็นออกมาในช่วงก่อนการจัดงานพอดี

โดยนายสุกิจ ตรัยวนพงศ์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 25 กล่าวว่า ตลอด 4 วันของการจัดงานมียอดจองในงานประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งผิดจากเป้าที่ตั้งไว้ถึง 3,000 ล้านบาท ขณะที่มีผู้เข้าชมงานเพียง 80,000 คน จากเดิมที่คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานถึง 100,000 คน และมีผู้ขอสินเชื่อจากธนาคารเพียง 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่า สาเหตุที่บรรยากาศการซื้อบ้านไม่คึกคักเท่าที่ควร เป็นเพราะมาตรการบ้านหลังแรกที่ให้หักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่จูงใจ ประชาชนเท่าไหร่นัก และประชาชนส่วนใหญ่ยังรอให้รัฐบาลออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% ผนวกกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในทวีปยุโรป และสถานการณ์น้ำท่วมภายในประเทศ ส่งผลให้คนชะลอการซื้อ

ขณะที่ผู้เข้าชมงานหลายคนก็ออกมาแสดงความคิดเห็นตรงกันว่า มาตรการบ้านหลังแรกที่หักภาษียังไม่จูงใจ และไม่ได้เป็นส่วนพิจารณาในการตัดสินใจว่าจะซื้อบ้านหรือไม่ อย่างเช่น นางสาวศุภวาภา อิทธิไกวัล พนักงานบริษัทเอกชน วัย 29 ปี ที่กล่าวว่า เตรียมจะซื้อคอนโดฯ ในงบประมาณ 2 ล้านบาทในเร็ว ๆ นี้ แต่มาตรการหักภาษีที่รัฐบาลออกมาก็ไม่ได้เป็นแรงจูงใจให้อยากซื้อเร็วขึ้น ยกเว้นแต่จะมีมาตรการดอกเบี้ย 0% ออกมา

เช่นเดียวกับนายจรัสพันธุ์ ปัญญาวุฒิวิทย พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่จองคอนโดฯ ราคา 1.6 ล้านบาทภายในงาน กล่าวว่า มาตรการหักภาษีไม่ได้จูงใจให้ซื้อบ้านหลังแรก เพราะรายได้ต่อเดือนที่มียังไม่ถึงขั้นต้องเสียภาษี แต่ที่ตัดสินใจจองคอนโดฯ ในงานนี้ เพราะอยากมีคอนโดฯ เป็นของตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวกับนโยบายของรัฐ

อย่าง ไรก็ตาม ภายหลังที่รัฐบาลออกมาตรการหักภาษีให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก จนถูกหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้คนชั้นล่างจนถึงคนชั้นกลางเท่าที่ควร ทำให้เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้ให้กับผู้ที่ยังไม่เคยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในวงเงินรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% เป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้ผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการบ้านหลังแรกเพิ่มขึ้น ซึ่งการแก้ไขนโยบายดังกล่าว ก็ทำให้ ครม.เงา โดยพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นทันที

โดยนายสรรเสริญ สมะลาภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเงา กล่าวว่า การที่รัฐบาลเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการบ้านหลังแรกแต่ละครั้ง ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมาตรการล่าสุดที่จะให้ ธอส.ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 3 ปี ให้กับบ้านที่มีมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านบาท ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านในราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 60% ของจำนวนบ้านทั้งหมดไม่ได้รับความช่วยเหลือ จึงอยากให้รัฐบาลขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม และ ครม.ควรจะอนุมัติเรื่องฟรีค่าโอน และค่าจำนอง ดังที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงเอาไว้ด้วย

ด้าน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โฆษก ครม.เงา กล่าวว่า นโยบายปล่อยกู้บ้านหลังแรกโดยให้ดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 3 ปี คล้ายกับที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำไว้ แต่การให้สิทธิ์เฉพาะบ้านที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท จะไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่จะซื้อบ้านใน กทม.และปริมณฑล เนื่องจากราคาบ้านโดยเฉลี่ยสูงกว่า 1 ล้านบาทแล้ว

วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube







บุญทรง ย้ำ! บ้านหลังแรกยื่น ธอส. มีงบ 2 หมื่นล้าน

บุญทรง เตริยาภิรมย์


บุญทรงย้ำบ้านหลังแรกยื่นธอส.มีงบ2หมื่นล. (ไอเอ็นเอ็น)

คลัง ย้ำ คอนโดฯ ได้สิทธิประโยชน์ดอกเบี้ย 0 % 3 ปี พร้อมเตือนผู้กู้ซื้อบ้านโครงการฯ รีไฟแนนซ์ก่อน 7 ปี โดนดอกเบี้ยย้อนหลังตามเกณฑ์ ธอส. ย้ำจัดงานมหกรรมรถคันแรก 11 ต.ค. นี้

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แจงรายละเอียดโครงการบ้านหลังแรก สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยว่า คลังได้ให้ธนาคารอาคารสังเคราะห์เตรียมวงเงินไว้ 20,000 ล้านบาทเพื่อปล่อยกู้ให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรกในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งบ้านหลังแรก หมายรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เป็นที่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ปลูกอาศัยเอง บ้านมือสองหรืออาคารชุด คอนโดมิเนียม ที่มีมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านบาท จะได้สิทธิพิเศษกู้ 0 % เป็นเวลา 3 ปี ส่วนปีถัดไปคิดอัตราดอกเบี้ย MRR - 0.5 % ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนี้ จะถูกกว่าการปล่อยกู้สินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์ทั่วไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ซื้อบ้านในโครงการนี้หากรีไฟแนนซ์ก่อน 7 ปี จะต้องเสียอัตราดอกเบี้ยย้อนหลัง ที่ได้สิทธิ์ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารอาคารสงเคราะห์กำหนด

นอกจากนี้ นายบุญทรง ย้ำถึงการจัดงานมหกรรมรถยนต์คันแรกที่ได้สิทธิ์คืนภาษี 100,000 บาท ที่จัดงานในวันที่ 11-14 ต.ค. 2554 ที่ไบแทคบางนา จะมีรถยนต์ค่ายต่างๆ มาร่วมออกบูธ และจะมีผู้สนใจเข้าร่วมชมงานและใช้สิทธิ์จำนวนมาก

[4 ตุลาคม] ครม.ไฟเขียว บ้านหลังแรก ธอส. ปลอดดอกเบี้ย 3 ปี




ครม.อนุมัติ ธอส.เดินหน้าสินเชื่อ บ้านหลังแรก ราคาไม่เกินล้าน ดอกเบี้ย 0% นาน 3 ปี เปิดกว้างให้ทั้งบ้านใหม่-มือสอง

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง และนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง ได้ข้อสรุปตรงกันแล้วว่าจะให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้ให้กับผู้ที่ยังไม่เคยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในวงเงินรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% เป็นเวลา 3 ปี

ทั้งนี้ ผู้กู้สามารถนำไปซื้อที่อยู่อาศัยได้ทั้งประเภทบ้านใหม่ บ้านมือสอง บ้านสร้างเอง และที่อยู่อาศัยที่เป็นสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) ของ ธอส. ภายใต้วงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ ธอส.ปีละ 800 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี รวม 2,400 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการนำเสนอแพ็กเกจมาตรการบ้านหลังแรกให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาในสัปดาห์หน้า

ขณะเดียวกัน ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 4 ตุลาคมนี้ กระทรวงการคลังจะยังไม่เสนอแพ็กเกจมาตรการบ้านหลังแรก ซึ่งเป็นมาตรการเสริมเพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อย ให้ ครม.พิจารณา เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะมีการปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนที่จัดเก็บอยู่ 2% และค่าจดจำนองที่จัดเก็บอยู่ 1% ให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรกด้วยหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุม ครม.วันนี้ (4 ตุลาคม) เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินโครงการสินเชื่อบ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 3 ปี วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท

รมช.คลัง กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวนี้ให้สิทธิ์ได้ทั้งบ้านใหม่ บ้านสร้างบนที่ดินของตัวเอง และบ้านมือสอง ที่เป็นสินทรัพย์รอการขายของ ธอส.เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ ธอส.มีบ้านมือสองที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ทันทีกว่า 10,000 ยูนิต ราคาเฉลี่ยยูนิตละ 500,000-600,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้หลังจากอนุมัติแล้ว 7 วัน หรือตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม เป็นต้นไป และให้โอนกรรมสิทธิ์ได้จนถึงสิ้นปี 2555






[28 กันยายน] เปิดแพ็คเกจบ้านหลังแรก สำหรับคนรายได้น้อยแล้ว




ครม. เปิดแพ็คเกจใหม่ บ้านสำหรับคนรายได้น้อย วงเงินไม่เกิน 1 ล้าน ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 3 ปี ส่วนแพ็คเกจบ้านหลังละ 2 ล้าน รอเสนออีกสัปดาห์หน้า

วานนี้ (27 กันยายน) คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการบ้านหลังแรกแล้ว ด้วยแพ็คเกจใหม่ "กำหนดวงเงินไม่เกิน 1 ล้าน ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 3 ปี" ส่วนบ้านราคาหลังละ 2 ล้านบาท ทาง ครม.ให้กระทรวงการคลังกลับไปดูรายละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ โครงการบ้านหลังแรกขณะนี้มี 2 แพ็คเกจให้เลือก ได้แก่...

แพ็คเกจที่ 1 สำหรับผู้มีรายได้น้อย บ้านราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 3 ปี

แพ็คเกจที่ 2 สำหรับผู้มีรายได้มาก บ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งสามารถหักเงินหลังจากคำนวณภาษีเสร็จแล้ว ในระยะเวลา 5 ปี ตกปีละไม่เกิน 100,000 บาท

ขณะที่โครงการรถยนต์คันแรก ยังไม่มีข้อเสนอเข้าสู่ที่ประชุม เนื่องจากยังต้องปรับปรุงรายละเอียดให้รอบคอบและครอบคลุมกว่านี้

นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เปิดเผยหลังจากการประชุม ครม.ว่า ทางกระทรวงการคลังได้เสนอมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยให้ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้ให้กับผู้มีรายได้ระดับกลาง และต่ำลงมา มูลค่าบ้านไม่เกินหลังละ 1 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 3 ปี ทั้งนี้ทางรัฐบาลจะชดเชยอัตราดอกเบี้ยให้ 3 ใน 4 ของดอกเบี้ยทั้งหมด หรือประมาณ 300 ล้านบาท

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวต่ออีกว่า ถ้าต้องการจะขยายเพิ่มเป็นวงเงิน 2 ล้านบาท ต้องรอให้ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดูรายละเอียดเรื่องงบประมาณเพิ่มเติมก่อน ว่าจะกระทบต่องบประมาณที่ต้องชดเชยมากน้อยเพียงใด เนื่องจากทางรัฐบาลจะต้องชดเชยให้กับทาง ธอส. ด้วย จึงต้องนำเรื่องกลับมาพิจารณาอีกครั้งก่อนที่จะนำเสนอ ครม. อีกครั้งในสัปดาห์หน้า

นายวิรุฬ ยังกล่าวอีกว่า จากมาตรการเดิมที่ให้สิทธิ์หักลดหย่อนภาษีได้ 10% หรือไม่เกิน 500,000 บาท ของมูลค่าบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาท ขณะนี้ทางที่ประชุมมีมติให้ปรับปรุงใหม่ เป็นหักเงินโดยตรงจากภาษีที่ต้องเสีย ซึ่งเป็นการหักหลังจากที่คำนวณภาษีเสร็จแล้ว ในระยะเวลา 5 ปี ตกปีละไม่เกิน 100,000 บาท

ทางด้าน น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการบ้านหลังแรกนั้น อาจจะมีผลกระทบต่อการบริหารการจัดเก็บภาษีอากร อีก 5 ปี วงเงินภาษีรวมประมาณ 12,000 ล้านบาท หรือปีละประมาณ 2,500 ล้านบาท ซึ่งมาตรการดังกล่าว นอกจากจะเป็นการบรรเทาภาระภาษีให้ประชาชนที่ต้องการมีบ้านหลังแรกแล้ว ยังมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจรวมทั้งหมด ในการส่งเสริมให้ผู้มีเงินได้เข้าสู่ระบบภาษีด้วย

ขณะเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงประเด็นที่ฝ่ายค้านเตรียมยืนที่จะถอดถอน ในมาตรการคืนภาษีบ้านหลังแรกว่า นโยบายบ้านหลังแรก เป็นนโยบายที่ต้องการให้เกิดประโยชน์กับผู้ที่ซื้อบ้านจริง ๆ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ และไม่คิดว่าโครงการดังกล่าวจะให้ประโยชน์กับใครคนใดคนหนึ่ง เมื่อดูรายละเอียดอย่างชัดเจนจะเห็นว่า โครงการนี้มีความเสมอภาค และประชาชนเป็นผู้ที่ได้รับภาษีคืน ไม่ใช่ผู้ขาย






[25 กันยายน] ปชป. ชี้นโยบายลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก พท. อาจทำไม่ได้


โฆษกคณะรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ ชี้นโยบายลดภาษีบ้านหลังแรก รัฐบาลคำนวณสูตรผิดพลาด อาจไม่สามารถทำได้จริง แนะนำสูตรเดิมของพรรคมาใช้

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โฆษกคณะรัฐมนตรีเงา กล่าวถึงโครงการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรก ว่า รัฐบาลคำนวณสูตรผิดพลาดจนไม่ได้รับประโยชน์ และอาจไม่สามารถดำเนินโครงการนี้ได้ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์อยากเสนอให้รัฐบาล นำโครงการบ้านหลังแรกสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาดำเนินการอีกครั้ง ที่เปิดให้ประชาชนผู้ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดอกเบี้ยร้อยละ 0 เป็นเวลา 2 ปี เพราะแตกต่างจากนโยบายใหม่ของรัฐบาล ซึ่งนโยบายเดิมสามารถซื้อบ้านมือสอง หรือปลูกบ้านในที่ดินของตนเองได้

ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวสรุปการทำงานของพรรคเพื่อไทย 1 เดือน ว่า นอกจากนายกรัฐมนตรี จะลืมบทแก้ไขไม่แก้แค้นแล้ว กลับไม่สนใจ หรือแคร์สังคม ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้น นำไปสู่ความขัดแย้งมากขึ้น พร้อมขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี หันมาสนใจนโยบายกับแผนราชการแผ่นดิน ที่ได้เคยสัญญาไว้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน ไม่ใช่คำนึงถึงแต่เรื่องการนำแฟชั่น







[21 กันยายน] เปิดหลักเกณฑ์ บ้านหลังแรก เงินเดือนต่ำกว่า 2 หมื่น หมดสิทธิ์


โครงการบ้านหลังแรกเริ่ม 22 ก.ย.นี้ คนเงินเดือนต่ำกว่า 2 หมื่น หมดสิทธิ์ ภาคอสังหาฯ ชี้มาตรการนี้ช่วยคนไม่กี่คน ยิ่งรวยยิ่งได้ประโยชน์

วานนี้ (20 กันยายน) คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง หรือโครงการบ้านหลังแรก ตามที่กระทรวงการคลังได้เสนอ โดยนำค่าใช้จ่ายในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ พร้อมที่ดิน หรืออาคารห้องชุดที่เป็นที่อยู่อาศัย มาหักลดหย่อนภาษีตามจำนนวนที่จ่ายจริง ในอัตราไม่เกิน 10 % ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยให้ทยอยหักภาษี ในจำนวนปีละเท่า ๆ กัน เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 กันยายนนี้ เป็นต้นไป

สำหรับหลักเกณฑ์โครงการบ้านหลังแรก มีดังต่อไปนี้

1. ผู้มีเงินเดือน 20,000 บาทขึ้นไป

2. ต้องเป็นบ้านใหม่ หรือคอนโดมิเนียมใหม่ ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ไม่นับรวมที่อยู่อาศัยสร้างเอง หรือบ้านมือสอง

3. ให้นำค่าใช้จ่ายที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ มาหักลดหย่อนภาษีได้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

4. ผู้มีเงินได้มีสิทธิยกเว้นภาษีเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีเป็นเวลา 5 ปีภาษีต่อเนื่องกัน ตามจำนวนที่จ่ายจริง

5. การยกเว้นภาษีจะใช้วิธีการหักค่าลดหย่อน ซึ่งผู้มีเงินได้สามารถเลือกใช้สิทธิ์ครั้งแรกสำหรับเงินได้ในปีที่ได้โอนกรรมสิทธิ์หรือปีถัดไปก็ได้ โดยสามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 ปี

6. ต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ให้แล้วเสร็จ ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555

7. ต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยมาก่อน

8. ต้องมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีนับแต่วันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์นั้นต้องไม่เคยผ่านการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์มาก่อนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

ทั้งนี้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่ามาตรการบ้านหลังแรกในครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำตามสัญญาที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ และยืนยันว่าประชาชนทุกคนได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเท่ากันหมดถ้าอยู่ในระบบภาษี ส่วนผู้ที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี หรือเงินเดือนน้อยกว่า 20,000 บาท ก็สามารถขอใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีในปีถัดไปได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายเพื่อคำนวณภาษีในปี 55 แต่อย่างใด

รมช.คลัง ยังกล่าวอีกว่า มาตรการนี้เป็นมาตรการที่ช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อยและยังไม่เคยมีบ้านหรือมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน และยืนยันว่าไม่ได้ช่วยเหลือภาคธุรกิจอสังหาริมทรัย์ เพราะถ้าทางรัฐบาลต้องการช่วยเหลือจริงจะไม่กำหนดวงเงินของบ้านหลังละไม่เกิน 5 ล้านบาทอย่างแน่นอน


ภาคอสังหาฯ ชี้ บ้านหลังแรก ยิ่งรวยยิ่งได้ประโยชน์

บ้านหลังแรก


นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวถึงมาตรการลดภาษีบ้านหลังแรกว่า มาตรการนี้ไม่ได้ส่งผลต่อตลาดการซื้อ-ขายบ้านหรือคอนโดมิเนียมมากนัก เพียงแต่จะช่วยให้ผู้บริโภคที่ชะลอการซื้อบ้านก่อนหน้านี้ ตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น เพราะได้ทราบรายละเอียดของโครงการแล้ว ซึ่งในส่วนนี้คนที่ได้ประโยชน์จะเป็นคนรายได้สูงตามฐานภาษีของแต่ละคน ถ้ารายได้ต่ำเมื่อคำนวณภาษีบุคคลธรรมดา และหักค่าลดหย่อนต่าง ๆ แล้ว โดยปกติก็ไม่ต้องเสียภาษีอยู่ดี

ขณะที่ นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวสอดคล้องกันว่า มาตรการบ้านหลังแรกของรัฐบาลชุดนี้ มีผู้ได้รับประโยชน์ไม่มากนัก ซึ่งจากข้อมูลกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรกที่แท้จริงนั้น ส่วนใหญ่ซื้อราคาเฉลี่ยประมาณ 1.5 ล้านบาท และผู้ซื้อส่วนใหญ่มีรายได้ประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน ดังนั้น จึงหักลดหย่อนได้น้อยมาก เพราะเมื่อนำค่าใช้จ่ายมาหักรายได้ต่อปีแล้วไม่เกิน 150,000 บาท ก็ไม่จำเป็นต้องเสียภาษีอยู่แล้ว

สำหรับคนที่จะได้รับประโยชน์จากมาตรดังกล่าวนั้น นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ต้องเป็นคนที่มีรายได้สุทธิเกิน 150,000 บาทต่อปี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฐานภาษีที่จ่ายด้วย หากรายได้สุทธิอยู่ที่ 150,000-500,000 บาท หรือเฉลี่ยรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 50,000 บาท จะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตรา 10% ดังนั้นเมื่อรัฐบาลให้ลดหย่อน 10% ของราคาบ้าน หากบ้านราคา 2 ล้านบาท ก็จะลดหย่อนได้ 200,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี หรือเท่ากับปีละ 40,000 บาท ซึ่งเมื่อหักลดหย่อนภาษีบุคคลที่เสียอยู่ ก็เท่ากับว่าได้ลดภาษีประมาณ 4,000 บาทต่อปีเท่านั้น หรือหากซื้อบ้านราคา 5 ล้านบาท เท่ากับนำมาหักลดหย่อนปีละ 100,000 บาท ซึ่งคนระดับนี้จะต้องมีรายได้สูงปีละประมาณ 4 ล้านบาทขึ้นไป และต้องจ่ายภาษีปีละประมาณ 37% ของเงินได้พึงประเมิน ก็เท่ากับว่าหักภาษีได้แค่ 37,000 บาท

นอกจากนี้ นายอิสระ ยังบอกด้วยว่า มาตรการที่ช่วยคนซื้อบ้านหลังแรกได้อย่างแท้จริง คือเรื่องอัตราดอกเบี้ย 0% ซึ่งเท่ากับว่ามาตรการของรัฐบาลชุดก่อนดีกว่า เพราะช่วยคนได้เป็นวงกว้างมากกว่า และเป็นการช่วยคนที่ควรช่วย เพราะคนรายได้สูงนั้นน่าจะมีบ้านหลังแรกกันไปหมดแล้ว

ทางด้านนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า การใช้สิทธิยกเว้นภาษีดังกล่าว จะมีผลกระทบต่อการบริหารการจัดเก็บภาษีอากร ประมาณ 1,700 ล้านบาท แต่ผลของมาตรการดังกล่าวยังทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย

บ้านหลังแรก


[20 กันยายน] ครม.ไฟเขียว บ้านหลังแรก ลดภาษี 10%

มติ ครม.คืนภาษีบ้านหลังแรก เฉพาะบ้านมือหนึ่งไม่เกิน 5 ล้าน ทยอยคืนภาษีให้ในระยะเวลา 5 ปี ปีละไม่เกิน 100,000 คาด เสียรายได้ 1,700 ล้านบาทต่อปี
วันนี้ (20 กันยายน 2554) นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมได้มีมติในการอนุมัติโครงการบ้านหลังแรก โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน นี้ ถึงสิ้นปี 2555 ซึ่งรายละเอียดจะเป็นการคืนภาษีให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก เฉพาะเป็นบ้านใหม่มือ 1 เท่านั้น ในราคาไม่เกิน 5,000,000 บาท และผู้ที่มีสิทธิ์จะต้องเป็นผู้ที่เสียภาษี โดยจะมีการทยอยคืนภาษีให้ในระยะเวลา 5 ปี วงเงินไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งจะมีการทยอยจ่ายคืนให้ปีละไม่เกิน 100,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ทางกรมสรรพากร คาดว่า จากการดำเนินโครงการดังกล่าว จะทำให้ทางกรม สูญเสียรายได้อยู่ประมาณ 1,700 ล้านบาท

ด้าน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เงื่อนไขหลักและกฎเกณฑ์ที่นำเสนอเป็นบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ผู้ซื้อบ้านหลังแรกสามารถนำไปขอลดหย่อนภาษีได้ ส่วนกรณีธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ยังไม่ชัดเจน จะสนับสนุนดอกเบี้ยบ้านหลังแรก 0% หรือไม่นั้น โดยข้อเท็จจริงแล้ว ทางกระทรวงการคลังจะไม่เอานโยบายดอกเบี้ยมาใช้ แต่สถาบันทางการเงินทุกแห่งที่เป็นของรัฐและเอกชน ก็สามารถที่จะนำนโยบายดอกเบี้ย 0% มาใช้ในทางการตลาด เพื่อจูงใจผู้ซื้อบ้านหลังแรกให้ได้รับสิทธิประโยชน์ได้ อย่างไรก็ตาม หากมาตรการดังกล่าวผ่านการเห็นชอบและอนุมัติในหลักการแล้ว ก็จะเริ่มดำเนินการทันที

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ยังเปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการคืนเงินรถคันแรกไม่เกิน 1 แสนบาทว่า เมื่อวานนี้ (19 กันยายน) ได้มอบหมายให้กรมสรรพสามิต ไปดำเนินการตรวจสอบและประมวลผลของมาตรการนี้ หลังเริ่มดำเนินการไปเมื่อวันที่ 16 กันยายน ว่า มีประชาชนเคลื่อนไหวให้ความสนใจมาตรการรัฐบาลมากน้อยเพียงใด และพบปัญหาอุปสรรค ข้อขัดข้องใดบ้างในทางเอกสาร จึงอยู่ในระหว่างรอทางกรมสรรพสามิตรายงานผลกลับมา

ส่วนการกำหนดเงื่อนไขเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี เข้าร่วมโครงการรถคันแรก ส่งผลให้มีผู้จำหน่ายรถยนต์หลายแบรนด์ดัง อาทิ ฟอร์ด จีเอ็ม รถจากมาเลย์ ฯลฯ ออกมาขอให้เพิ่มจำนวนซีซีมากกว่า 1,500 ซีซี มีโอกาสเข้าร่วมโครงการนั้น ในขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจากผู้ประกอบการ มีแต่การแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชน แต่ทั้งนี้หากจะทำหนังสืออย่างเป็นทางการเสนอมายังกระทรวงการคลัง ก็พร้อมที่จะรับฟังเหตุผล เพราะเดิมทีทางกระทรวงการคลังมองโครงการรถคันแรกตามเจตนารมณ์เดิม ก็คือ รถประหยัดพลังงาน หรือ อีโคคาร์ ก่อนที่จะมีการแสดงความคิดเห็นออกมา อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้ให้กรมสรรพสามิตไปประมวลผลด้วย



[19 กันยายน] บ้านหลังแรก ชง ครม.พรุ่งนี้ คืนภาษีไม่เกิน 10%

ข่าวบ้านหลังแรก

คลังชงบ้านหลังแรกเข้า ครม.พรุ่งนี้ ให้คนซื้อบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้าน ทยอยคืนภาษีไม่เกิน 10% ภายใน 5 ปี

หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์ก่อน สั่งให้กระทรวงการคลังนำเงื่อนไขของมาตรการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกกลับไปพิจารณาใหม่ หลังจากมองว่า วงเงินหักลดหย่อนภาษีที่ให้กับผู้ซื้อบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทนั้นน้อยเกินไป ล่าสุด มีรายงานว่า กระทรวงการคลังได้พิจารณาเงื่อนไขใหม่เสร็จสิ้นแล้ว และเตรียมนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 20 กันยายนนี้

โดยแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับเงื่อนไขใหม่ของมาตรการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกนั้น จะมีการปรับเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนภาษีให้หักได้ไม่เกิน 10% ของราคาบ้านที่ไม่เกิน 5 ล้านบาท และทยอยหักเป็นระยะเวลา 5 ปี อย่างเช่น หากซื้อบ้านในราคา 5 ล้านบาท จะสามารถหักภาษีได้ไม่เกิน 5 แสนบาทภายในเวลา 5 ปี คิดเป็นได้เงินคืนปีละไม่เกิน 1 แสน แต่หากซื้อบ้านในราคา 1 ล้านบาท จะสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1 แสนบาท หรือปีละไม่เกิน 2 หมื่นบาท

ทั้งนี้ สำหรับเงื่อนไขอื่น ๆ ของมาตรการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกนั้น ผู้ซื้อบ้านจะต้องเป็นผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และเป็นผู้ซื้อบ้านหลังแรก ไม่รวมผู้ซื้อบ้านมือสอง หรือสร้างบ้านเอง สำหรับนโยบายนี้ ทางกรมสรรพากรประเมินว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ภาษีทั้งหมด (กรณีสูงสุด) ไม่เกิน 1,700 ล้านบาท


[16 กันยายน] ซื้อบ้านหลังแรกได้ลดหย่อนภาษี3แสนบ./คน

โครงการบ้านหลังแรก

สรรพากรเคาะแล้ว ซื้อบ้านหลังแรก ได้ลดหย่อนภาษี 3 แสนบาท/คน 5 ปีละ ๆ 6 หมื่นบาท วงเงินไม่เกินหลังละ 3 ล้านบาท

นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยความคืบหน้าโครงการบ้านหลังแรกว่า ในขณะนี้ ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ แล้ว โดยทางกรมสรรพากร จะมีการลดภาระให้ในรูปแบบการนำเงินที่ซื้อบ้าน มาเป็นส่วนลดในการหักลดหย่อนภาษีได้ 3 แสนบาทต่อราย โดยกำหนดราคาบ้าน ไม่เกินหลังละ 3 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้าโครงการสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ 5 ปี ในอัตราปีละ 6 หมื่นบาท นายสาธิต กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เรื่องดังกล่าวนั้น จะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงของทางกระทรวงการคลัง เพื่อให้ได้พิจารณาในเร็ว ๆ นี้























วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

นิทานสำหรับเด็ก

              นิทานสำหรับเด็ก

 

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube



วิดีโอ YouTube



วิดีโอ YouTube




วิดีโอ YouTube




วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube


วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube





วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube

วิดีโอ YouTube